TÓM TẮT
- 1 อาหารที่มีธาตุเหล็กและโฟเลตสูงสำหรับคนกิน Plant Based | รู้สู้โรค
- 2 1. ธาตุเหล็กคืออะไร
- 3 2. ธาตุเหล็กในธรรมชาติและการใช้งาน
- 4 3. คุณสมบัติและลักษณะของธาตุเหล็ก
- 5 4. ธาตุเหล็กในอาหารและสารอาหารที่เกี่ยวข้อง
- 6 5. ผลกระทบของการขาดธาตุเหล็กและวิธีเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย
- 7 Ferric กับ Ferrous ต่างกันอย่างไร
- 8 สารบัญ
อาหารที่มีธาตุเหล็กและโฟเลตสูงสำหรับคนกิน Plant Based | รู้สู้โรค
Keywords searched by users: ธาตุเหล็ก ภาษาอังกฤษ: พื้นฐานและความสำคัญในวิชาภาษาอังกฤษ วิตามินธาตุเหล็ก ภาษาอังกฤษ, สารอาหาร ธาตุเหล็ก ภาษาอังกฤษ, แร่ธาตุเหล็ก ภาษาอังกฤษ, ธาตุเหล็ก ภาษาอังกฤษ ตัวย่อ, ขาดธาตุเหล็ก ภาษาอังกฤษ, ธาตุเหล็ก คือ วิตามิน อะไร, ธาตุเหล็ก อาหารเสริม, ธาตุเหล็ก ช่วยอะไร
1. ธาตุเหล็กคืออะไร
ธาตุเหล็กคืออะไร?
ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเรา ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฮีโมโกลบิน ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนที่พบในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย [1].
ประโยชน์ของธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย เช่น:
-
เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ธาตุเหล็กช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต่อต้านการติดเชื้อและโรคได้ดีขึ้น [1].
-
ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง: ธาตุเหล็กเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงมากพอสมควร [1].
-
ช่วยในการผลิตฮอร์โมน: ธาตุเหล็กมีบทบาทในกระบวนการผลิตฮอร์โมนบางชนิด เช่น ฮีโมโกลบิน ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของร่างกาย [1].
แหล่งอาหารเสริมธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กสามารถได้รับจากอาหารที่เราบริโภคได้ ซึ่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงประกอบไปด้วย:
-
เนื้อสัตว์: เนื้อสัตว์เป็นแหล่งที่มีธาตุเหล็กสูง โดยเฉพาะเนื้อวัวและเนื้อไก่ [1].
-
ถั่ว: ถั่วเป็นแหล่งที่มีธาตุเหล็กสูง สามารถบริโภคได้ในรูปแบบของถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วลิสง [1].
-
ผักใบเขียวเข้ม: ผักใบเขียวเข้มเช่น ผักกาดขาว ผักคะน้า ธาตุเหล็กคืออะไร?
ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเรา ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฮีโมโกลบิน ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนที่พบในเม็ดเลือดแดงและมีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย [1].
ประโยชน์ของธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย เช่น:
-
เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ธาตุเหล็กช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพราะมีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดงที่เป็นส่วนประกอบของระบบภูมิคุ้มกัน [1].
-
บำรุงผิวพรรณ: ธาตุเหล็กช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของผิวพรรณ ทำให้ผิวดูสดใสและมีความกระจ่างใส [1].
-
ช่วยลดรอยช้ำ: ธาตุเหล็กมีบทบาทในกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อและเซลล์ในร่างกาย ทำให้รอยแผลหรือรอยแดงบนผิวหนังลดลง [1].
-
ช่วยให้นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น: ธาตุเหล็กมีบทบาทในกระบวนการผลิตเฮโมโนไนต์ ซึ่งเป็นสารสำคัญในการสร้างเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่มีบทบาทในการปรับสมดุลของระบบการนอนหลับ [1].
-
ช่วยให้จดจำได้ดีขึ้น: ธาตุเหล็กมีบทบาทในกระบวนการสร้างสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่างเซลล์ในระบบประสาท ทำให้สมองทำงานได้ดีและช่วยในการจดจำ [1].
-
ลดอาการอ่อนเพลีย: ธาตุเหล็กช่
Learn more:
2. ธาตุเหล็กในธรรมชาติและการใช้งาน
ธาตุเหล็กในธรรมชาติและการใช้งาน
ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในธรรมชาติและมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายของเรา [1]. ธาตุเหล็กมีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการนำออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย [1]. นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่ธาตุเหล็กมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพของเราด้วย [1].
ประโยชน์ของธาตุเหล็ก:
- ช่วยในการป้องกันอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย [1].
- เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย [1].
- ช่วยในกระบวนการเจริญเติบโตของร่างกาย [1].
- ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก [1].
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใสและเปล่งปลั่ง [1].
ธาตุเหล็กในธรรมชาติ:
- ธาตุเหล็กในเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว หมู ไก่ และเนื้อปลา เป็นแหล่งที่ดีของธาตุเหล็กที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย [1].
- ธาตุเหล็กในธัญพืช เช่น ถั่ว เมล็ดพืช และผักใบเขียว เป็นแหล่งที่มีธาตุเหล็กสูง แต่การดูดซึมธาตุเหล็กจากธัญพืชไม่ดีเท่ากับธาตุเหล็กในเนื้อสัตว์ [1].
การใช้งานธาตุเหล็ก:
- การบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว และถั่ว เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มธาตุเหล็กให้กับร่างกาย [1].
- การใช้เสริมอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น อาหารเสริมธาตุเหล็ก ที่สามารถเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายได้ [ธาตุเหล็กในธรรมชาติและการใช้งาน
ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกายของเรา ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในการขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่ธาตุเหล็กมีบทบาทในการรักษาสุขภาพของเราด้วย [1].
ประโยชน์ของธาตุเหล็ก:
- ช่วยในการป้องกันอาการอ่อนเพลีย ธาตุเหล็กช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และลดอาการอ่อนเพลียที่เกิดจากขาดธาตุเหล็ก [1].
- เสริมภูมิคุ้มกัน ธาตุเหล็กช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายต้านทานโรคและการติดเชื้อได้ดีขึ้น [1].
- ช่วยในการเจริญเติบโต ธาตุเหล็กมีบทบาทในกระบวนการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมเซลล์ และสร้างกล้ามเนื้อ [1].
- ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจาง ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งช่วยในการขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย การขาดธาตุเหล็กอาจ导致ภาวะโลหิตจาง [1].
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ธาตุเหล็กมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสและมีความกระจ่างใส [1].
แหล่งอาหารเสริมธาตุเหล็ก:
- เนื้อสัตว์: เนื้อสัตว์เป็นแหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง สามารถรับประทานเนื้อสัตว์เช่น เนื้อวัว หมู ไก่ เป็ด เป็นต้น [1].
- อาหาร
Learn more:
3. คุณสมบัติและลักษณะของธาตุเหล็ก
คุณสมบัติและลักษณะของธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา ธาตุเหล็กมีลักษณะแข็งแรง สีเงินเหลือง และมีความหนาแน่นสูง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติและลักษณะที่น่าสนใจอีกมากมาย ดังนี้:
- คุณสมบัติของธาตุเหล็ก:
- เป็นธาตุที่มีความแข็งแรงและทนทาน
- มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนและสนิม
- สามารถยืดตัวได้และเป็นศักยภาพในการรับแรงกระแทกได้ดี
- มีความต้านทานต่อความร้อนและไฟฟ้าได้ดี
- ลักษณะของธาตุเหล็ก:
- เป็นธาตุที่มีลักษณะเป็นเหล็กแดงเมื่ออยู่ในสภาวะปกติ
- เมื่อออกซิเดชันเกิดขึ้น ธาตุเหล็กจะเปลี่ยนเป็นเหล็กสนิม (Iron oxide) ที่มีสีน้ำตาลแดง
- คุณสมบัติทางเคมีของธาตุเหล็ก:
- เป็นธาตุที่มีอะตอมเดี่ยวเท่านั้นในสภาวะปกติ
- มีอะตอมธาตุเหล็ก (Fe) จำนวน 26 ในตารางธาตุ
- ความสำคัญของธาตุเหล็ก:
- เป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์เม็ดเลือดแดง (Red blood cells) ที่ใช้ในการขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย [2]
- เป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นโปรตีนในเลือดที่ช่วยในการขนส่งออกซิเจน [2]
- เป็นส่วนประกอบของไมโอโกลบิน (Myoglobin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยในการเก็บและขนส่งออกซิเจนในกล้ามเนื้อ [2]
- เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนบางชนิดในร่างกาย [2]
- เป็นส่วนคุณสมบัติและลักษณะของธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา ธาตุเหล็กมีลักษณะแข็งแรง สีเงินเหลือง และมีความหนาแน่นสูง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติและลักษณะที่น่าสนใจอีกมากมาย ดังนี้:
- คุณสมบัติของธาตุเหล็ก:
- เป็นธาตุที่มีความแข็งแรงและทนทาน
- มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนและสนิม
- สามารถยืดตัวได้และเป็นศักยภาพในการรับแรงกระแทกได้ดี
- มีความต้านทานต่อความร้อนและไฟฟ้าได้ดี
- ลักษณะของธาตุเหล็ก:
- เป็นธาตุที่มีสีเงินเหลืองและมีความเงา
- มีลักษณะเป็นเหล็กแข็งแรงและมีความหนาแน่นสูง
- มีลักษณะเป็นเหล็กที่สามารถยืดตัวได้และเป็นศักยภาพในการรับแรงกระแทกได้ดี
- คุณสมบัติทางเคมีของธาตุเหล็ก:
- เป็นธาตุที่มีอะตอมเหล็ก (Fe) ในตารางธาตุ
- เป็นธาตุที่มีจำนวนโปรตอนมากในร่างกายของมนุษย์
- เป็นธาตุที่มีความสามารถในการเกิดปฏิกิริยาเคมีได้หลากหลาย
- คุณสมบัติทางกายภาพของธาตุเหล็ก:
- เป็นธาตุที่มีจุดเดือดสูงถึง 1,538 องศาเซลเซียส
- เป็นธาตุที่มีค่าความหนาแน่นสูงถึง 7.87 กรัม/ซีซี
- เป็นธาตุที่มีค่าความเป็นไฟฟ้าสูง
ธาตุเหล็กมีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนในเ
Learn more:
4. ธาตุเหล็กในอาหารและสารอาหารที่เกี่ยวข้อง
ธาตุเหล็กเป็นธาตุอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกาย เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของการขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ธาตุเหล็กยังมีบทบาทในการสร้างเอนไซม์และฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง [1].
แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงสุดคือเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อหมู วัว และไก่ รวมถึงเครื่องในของสัตว์ เช่น ตับและเลือด [1]. นอกจากนี้ยังมีแหล่งอาหารธาตุเหล็กอื่นๆ ที่มาจากพืชผัก เช่น ข้าว ถั่ว ผักใบเขียว และผลไม้ เช่น บร็อคโคลี่ พริก มะเขือเทศ ฝรั่ง และส้ม [2].
การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสามารถช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการอ่อนเพลีย และช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก [2].
การรับประทานธาตุเหล็กในอาหารควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เนื่องจากวิตามินซีช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น [2].
สำหรับผู้ที่มีความต้องการรับประทานธาตุเหล็กเพิ่มเติม สามารถรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กได้ โดยสามารถหาธาตุเหล็กเสริมจากยี่ห้อต่างๆ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด [1].
Learn more:
5. ผลกระทบของการขาดธาตุเหล็กและวิธีเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย
ผลกระทบของการขาดธาตุเหล็กและวิธีเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย
ธาตุเหล็กเป็นธาตุอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกาย เนื่องจากมีบทบาทในการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเม็ดเลือดแดง ฮีโมโกลบินจะช่วยในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้น การขาดธาตุเหล็กอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หลายด้าน [1].
ผลกระทบของการขาดธาตุเหล็กในร่างกาย:
-
ภาวะโลหิตจาง: เมื่อขาดธาตุเหล็ก อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางหรือเลือดจาง ซึ่งอาจส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงใหม่ได้เพียงพอ ทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ใจสั่น วิงเวียน หนาวง่าย และสมาธิสั้นลง [2].
-
ผลกระทบต่อสมองและการทำงานของร่างกาย: ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการส่งออกสารสื่อประสาทในสมอง การขาดธาตุเหล็กอาจส่งผลให้สมองทำงานช้าลง และสามารถทำให้เกิดอาการขาดสมาธิ อ่อนเพลีย และลืมสิ่งต่าง ๆ ได้ [2].
-
ผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน: ธาตุเหล็กมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขาดธาตุเหล็กอาจทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเจริญเติบโตของเซลล์ภูมิคุ้มกันลดลง [1].
วิธีเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย:
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง: อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงประกอบไปด้วยเครื่องในสัตว์ (เช่นตับและม้าม) เผลกระทบของการขาดธาตุเหล็กและวิธีเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย
การขาดธาตุเหล็กในร่างกายสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้หลายด้าน ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้น การขาดธาตุเหล็กอาจส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดภาวะโลหิตจาง (หรือเลือดจาง) ได้ ซึ่งอาจมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ใจสั่น วิงเวียน หนาวง่าย สมาธิสั้น และการเฉียบคมฉับไวในการตอบสนองหรือคิดวิเคราะห์ช้าลง [2].
วิธีเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย
-
รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง: การบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงสามารถช่วยเสริมธาตุเหล็กในร่างกายได้ อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงได้แก่ เครื่องในสัตว์ (ตับและม้าม) เนื้อสัตว์ ไข่แดง หอย (หอยกาบ หอยนางรม หอยแมลงภู่) ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ อาจกินถั่ว ผักใบเขียว ผลไม้แห้ง เช่นแอปริคอต และลูกเกด ยีสต์หมักเบียร์ สาหร่าย กากน้ำตาล และรำข้าวสาลี [2].
-
รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง: วิตามินซีช่วยในกระบวนการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่นผลไม้สด เป็นการช่วยเสริมธาตุเหล็กในร่างกายได้ [2].
-
หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบ
Learn more:
Categories: นับ 97 ธาตุเหล็ก ภาษาอังกฤษ
iron. (adj) ซึ่งมีธาตุเหล็ก, Syn. ferric, ferrous. iron. (n) ธาตุเหล็ก, See also: เหล็ก(Fe2+) และ ferric iron (Fe3+) เหล็กรูปแบบferrous ironนี้เป็นส่วนที่มี มากที่สุดในร่างกายคือเป็นส่วนประกอบของ Hb เป็นส่วนใหญ่ ส่วนเหล็ก รูปแบบ ferric iron นั้นเป็นเหล็กที่สะสมอยู่ในแหล่งสะสม (storage pool) ซึ่งส่วนใหญ่จะสะสมอยู่ใน RE cellของตับ ม้ามภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia) ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก คือภาวะที่ร่างกาย มีจำนวนเม็ดเลือดแดงหรือความเข้มข้นของฮีโมโกลบินในเลือด ต่ำกว่าปกติ เนื่องมาจากร่างกายมีธาตุเหล็กไม่เพียงพอที่จะ
- CBC จะพบ Hb < 11 g/dL, Hct < 33%, MCV และ MCH มีค่ำต่ำกว่าเกณฑ์ การดูเสมียร์เลือดจะพบเม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็กติดสีจาง (microcytic, hypochromic)
- Serum iron, Total iron biding capacity (TIBC) และ Transferrin saturation ในภาวะขาดเหล็กจะน้อยกว่า 15%
See more: https://vatlieuxaydung.org/category/tv blog
Ferric กับ Ferrous ต่างกันอย่างไร
เหล็กรูปแบบ Ferric และ Ferrous ต่างกันอย่างไร
เหล็กรูปแบบ Ferric (Fe3+) และ Ferrous (Fe2+) คือรูปแบบของธาตุเหล็กที่มีความแตกต่างกันในการเก็บรักษาอยู่ในร่างกายและใช้งานในกระบวนการต่างๆ ดังนี้:
1. Ferric Iron (Fe3+):
- Ferric iron เป็นรูปแบบของเหล็กที่มีค่าไฟฟ้ามากกว่า ferrous iron [1].
- เหล็กรูปแบบนี้มักจะเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ที่สำคัญ เช่น cytochrome, catalase, peroxidase [1].
- Ferric iron มักจะสะสมอยู่ในแหล่งสะสม (storage pool) ในร่างกาย โดยส่วนใหญ่จะสะสมอยู่ในเซลล์ Reticuloendothelial (RE) ของตับ [1].
2. Ferrous Iron (Fe2+):
- Ferrous iron เป็นรูปแบบของเหล็กที่มีค่าไฟฟ้าน้อยกว่า ferric iron [1].
- เหล็กรูปแบบนี้เป็นส่วนที่มีมากที่สุดในร่างกาย และเป็นส่วนประกอบหลักของฮีโมโกลบิน (Hb) ที่เป็นส่วนใหญ่ของเม็ดเลือดแดง [1].
สรุป:
- Ferric iron (Fe3+) เป็นรูปแบบของเหล็กที่มีค่าไฟฟ้ามากกว่า ferrous iron (Fe2+) และมักจะสะสมอยู่ในแหล่งสะสมในร่างกาย เช่น เซลล์ Reticuloendothelial (RE) ของตับ [1].
- Ferrous iron (Fe2+) เป็นรูปแบบของเหล็กที่มีค่าไฟฟ้าน้อยกว่า ferric iron (Fe3+) และเป็นส่วนที่มีมากที่สุดในร่างกาย และเป็นส่วนประกอบหลักของฮีโมโกลบิน (Hb) ที่เป็นส่วนใหญ่ของเม็ดเลือดแดง [1].
Learn more:
See more here: vatlieuxaydung.org
สารบัญ
2. ธาตุเหล็กในธรรมชาติและการใช้งาน
3. คุณสมบัติและลักษณะของธาตุเหล็ก
4. ธาตุเหล็กในอาหารและสารอาหารที่เกี่ยวข้อง
5. ผลกระทบของการขาดธาตุเหล็กและวิธีเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย